ตัวละครตัวร้าย ตำนานที่เชื่อมโยงไปถึงตัวร้ายอย่างแมนดาริน

ตัวละครตัวร้าย ที่จะทำให้กลายเป็นที่จดจำถึงความหักหลังคนดู

ตัวละครตัวร้าย จากรายงานล่าสุด ได้เปิดเผยว่า ผู้กำกับ จอนฟาฟโร ของสองภาคแรก ตั้งใจจะให้ ตัวร้ายเป็น
“แมนดาริน” มาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมกลุ่มผู้ก่อ การร้ายที่จับโทนี สตาร์คไปขังในถ้ำตอน
ต้นเรื่องถึงมี สัญลักษณ์ ของแหวน 10 วงในตำนาน ที่เชื่อมโยงไปถึง ตัวร้ายอย่าง แมนดารินได้

และทีมสร้างก็ ตั้งใจว่าจะให้ โอบาไดอาห์ ผู้เปรียบเสมือนพ่อ ครู และผู้ดูแลโทนี และสตาร์ค อินดัสตรี
(ในทำนอง เดียวกันกับ “อัลเฟรด” ผสมกับ “ลูเซียส ฟ็อกซ์” ที่ดูแล “บรู๊ซ เวย์น” รวมถึงกิจการเวย์น เอนเตอร์
ไพรส์) มาเป็นตัว ร้ายในภาค 2 ที่จะทำให้กลาย เป็นที่จดจำถึง ความหักหลังคนดู

ซึ่งนั่นก็หมาย ความว่า ในความตั้งใจแรก ของทีมสร้างนั้น โอบาไดอาห์ เสตน จะไม่ได้เป็นผู้ ว่าจ้างกลุ่มก่อ
การร้ายแหวน 10 วง ไปจับโทนี สตาร์คเป็นตัวประกัน และก็ดูจะเป็น เหตุผลที่ตอบ คำถามที่ค้าง คาใจแฟน ๆ
มาตลอดว่า แล้วโอบาไดอาห์ ไปเกี่ยวข้องกับ แมนดารินได้อย่างไร?

(ก็เพราะในบทร่างแรก ๆ นั้นพวกเขา ไม่เกี่ยวข้อง อะไรกันเลย) แล้วแมนดาริน จะกลับมา ตอนไหน? จนกระ
ทั่งปิดตัวละครนี้ ในจักรวาลไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงให้ โอบาไดอาห์กลายมา เป็นตัวร้ายของภาค 1 เกิดขึ้น
ในตอนที่นัก แสดงออสการ์ เจฟฟ์บริดเจส เข้ามาทดสอบหน้ากล้อง

เท่านั้นแหละทีมงาน ทั้งหมดก็อยากจะ ให้เขามารับบทตัวร้าย เสียตั้งแต่ภาคแรก เพราะอดใจรอไม่ไหว!
หาก ข้อเท็จจริงคืออะไร อยากจะลองตั้ง คำถามกับแฟน ๆ ของบุรุษเหล็ก ไอรอนแมนว่า ตัวร้ายตัวไหน
จากทั้ง 3 ภาคคือตัวร้ายที่ ประทับใจแฟน ๆ มากที่สุด

คำตอบอาจจะ มีได้หลากหลาย ทั้ง “โอบาไดอาห์ เสตน” จากภาค 1 และ “อัลเดรน คิลเลียน” จากภาค 3
(รวม “แมนดาริน” ตัวปลอมเข้าไปอีกหนึ่งก็ได้) แต่ถ้าถามว่าตัวร้ายตัวไหนที่ชอบน้อยที่สุด หลายคนคง
ลงความเห็น มอบตำแหน่งให้ “อิวาน แวนโก” ในภาค 2

ปัญหาของภาคแรก ๆ ก็คือ ตัวร้ายที่ไม่มีมิติและ ไม่ได้ถูกสำรวจปูมหลัง ให้แข็งแรงมากพอ แต่รู้หรือไม่
ว่า ก่อนหน้านี้หนังไตรภาค เกือบจะไม่ได้มีตัวร้ายอย่าง ที่เห็นอย่างไรก็ตาม แฟน ๆ ก็ยังค่อนขอด อยู่
บ่อย ๆ ถึงการไม่พยายามเข้า ไปสำรวจตัวละคร วายร้ายของหนังฮีโร ทั้ง 3 ภาค

ที่เทน้ำหนักการเล่าเรื่อง ไปที่ตัวละครไปที่โทนี สตาร์คเป็นส่วนใหญ่

(แต่ก็เข้าใจได้ แฟน ๆ ทั่วไปใครจะอยากรู้เรื่องของตัวร้ายนักหนาล่ะ?) ซึ่งนั่นก็ทำให้กลายเป็นจุดอ่อน
ของทั้ง 3 ภาคที่เล่าวนเวียนอยู่กับ ความแค้นที่มาจากโฮเวิร์ด สตาร์ค พ่อของโทนีที่เก่งเกินหน้าเกินตา
และไม่เป็นที่รักของลูกน้อง และก็มาถึงโทนีเช่นกัน ที่ซ้ำรอยก่อเกิดตัวร้ายในภาค 3

อย่างคิลเลียนนอกจากนั้นแฟน ๆ ก็ยังเสียดายไม่หายที่ภาคแรก ตอนโอบาไดอาห์ได้สวมชุดเกราะ
เหล็กแบบแตะ ๆ แล้วหนังก็จบไป เมื่อได้ฟังแบบนี้ก็ชวนให้คิดว่า หากให้โอบาไดอาห์ ได้แนะนำตัวใน
ภาค 1 ก่อน รวมถึงให้แฟน ๆ รู้สึกผูกพันก่อนจะมา พลิกเป็นตัวร้ายในภาค 2 นั่น

อาจจะทำให้หนังกินใจมากกว่านี้ และทำให้การพัฒนาตัวละครตัวนี้ยิ่งลึกและมีมิติมากกว่าที่เห็นกันใน
ภาค 1 (ลองนึกภาพอัลเฟรดลุกขึ้นมาเป็นตัวร้ายสู้กับบรูซ เวย์น ดูสิ คงเป็นอะไรที่ชวนช็อคมาก!)อีกเหตุ
ผลหนึ่งที่แมนดารินถูกเปลี่ยน ตัวละครตัวร้าย

ยังไม่ให้ปรากฎตัว ในภาคแรกนั้น ก็เพราะทีมงาน มองว่าไอรอนแมน ที่ยังไม่เก่งมากนัก ยังไม่ถึงเวลา
ที่เหมาะสมจะให้ สู้กับแมนดาริน จึงได้เก็บตัวร้าย ตลอดกาลตัว นี้ไว้ในภาค 3 ผู้กำกับจอนฟาฟโร ก็เป็น
คนนำเสนอแนวคิด นี้กับสตูดิโอเอง

(อาจคิดว่าตัวเองจะได้กำกับมาจนถึงภาค 3 แต่ก็โบกมือลาไปก่อนหลังภาค 2 โดนโจมตีเยอะ) โดยผู้
เขียนบท มาร์คมิลลาร์ ก็คอยเชียร์ให้โอบาไดอาห์ เสตนมาเป็นตัวร้ายภาค 1 เช่นกัน ท้ายที่สุด ได้หัก
หลังแฟน ๆ

โดยให้แมนดารินในภาค 3 เป็นตัวปลอมไปเสียอย่างนั้น ในภาค 2 ไอรอนแมนยังมีตัวร้ายในเรื่องอย่าง
“จัสติน แฮมเมอร์” (รับบทโดยนักแสดงออสการ์ ที่ดูไม่มีความสำคัญเท่าไรในหนัง รวมถึงการได้ มารับ
บทสำคัญ แฟน ๆ ต่างก็คาดหวังว่าจะได้ การโชว์บทบาทที่ล้ำลึก

ในระดับเดียวเพราะทั้งสองคนก็เป็น นักแสดงมากฝีมือในรุ่นเดียวกันจากยุค 80-90 แต่อิวาน แวนโก
หรือ “วิปแลช” ก็กลายเป็นตัวละคร ที่มาล้างแค้นแบบตื้น ๆ แถมยังตายง่ายจนแฟน ๆ จดจำไม่ทัน
แน่นอนว่า การสำรวจแรงจูงใจของ วายร้ายก็ไม่มี เวลาได้พูดถึง ผมเกรียนสุดเท่ | ข่าว หนังใหม่ MarVel