ไม่เอาแล้ว ไลฟ์สไตล์การทำหนังที่น่าติดตามแบบวีรบุรุษ

ไม่เอาแล้ว

ไม่เอาแล้ว หนังโดดเดี่ยวภาคต่อ ของซูเปอร์วีรบุรุษวัยรุ่นอย่างสไปเดอร์แมน

ไม่เอาแล้ว เล่าราวถัดมาจากเรื่องราวข้างหลัง อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก โดยหนังภาคนี้ได้ผลสำเร็จหน้าที่ดูแลของ จอน วัตส์ (ผู้กำกับคนเดิมจากหนังภาคแรก) เล่าถึงระยะเวลาภายหลังที่ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (ทอม ฮอลแลนด์) แล้วก็เพื่อนฝูงๆกลับมามีชีวิตปกติอีกที

หลังจากเหตุที่ธานอสดีดนิ้วล้างจักรวาลไป แต่ทว่าปีเตอร์ยังคงไม่สามารถที่จะทำใจรับกับการสูญเสียอย่างไม่มีทางกลับของโทนี่ สตาร์ค ว่าที่คนให้คำปรึกษาแล้วก็เสมือนเป็นคุณบิดาในทางอ้อมด้วยเช่นเดียวกัน ข่าว หนังใหม่ MarVel

และไม่ว่า ปีเตอร์ จะไปที่ไหนก็แล้วแต่ที่ระลึกนึกถึงที่ความระลึกถึง เหล่าอเวพบร์ผู้วายชนม์ ยิ่งทำให้เขานึกถึงการสิ้นไปมาก ยิ่งข้น ประกอบทุกก้าวที่ “สไปเดอร์แมน” เคลื่อน สาธารณะชน ก็จับตาดูอย่างตั้งใจว่าเขาจะเปลี่ยนเป็น ไอรอนแมน คนถัดไปหรือไม่ ยิ่งแปลงเป็นแรงกดดันในชีวิต

ไม่เอาแล้ว

ความระบมของผู้แสดง ภายหลังจากเรื่องใน อเวนเจอร์ส: เผด็จศึก ไม่เอาแล้ว หนังถ่ายทอดให้ผู้ชม ได้มองเห็นผ่านตัวละครที่เป็นตัวเอก

ผ่านตอนที่เขาถูกสื่อมวลชน และก็คนรอบกาย จัดโต๊ะสัมภาษณ์ความรู้สึกของ สไปเดอร์แมน การถามถึงอนาคต ว่าเขาจะผันตนเองไปเป็น ไอรอนแมน คนถัดไปหรือเปล่า

ซึ่งหนังพรีเซ็นท์ระยะเวลา สำหรับการต่อกรสถานะการณ์ดังที่กล่าวมาข้างต้นของ สไปเดอร์แมน ด้วยความรู้สึกที่เขางงมากมึนแล้วก็จัดแจงเหตุการณ์ผิด ไม่เอาแล้ว จนถึงเขาเลือกจะ “เท” การให้ข่าวและก็หนีออกจากงานไปแบบทันที เพื่อหนีออกไปจัดแจง ความรู้สึกแบบผู้เดียวเฉยๆ

การหลบหลีกเลี่ยงที่และ ก็การกลับไปเป็นเด็กของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ถูกขยายความให้ผู้ชมได้เห็นภาพ ที่แน่ชัดมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อการเดินทางไปทริปท่องเที่ยวยุโรป กับเพื่อนพ้องๆนั้น ปีเตอร์ เลือกที่จะไม่รับโทรศัพท์จาก นิค ฟิวปรี่ (ซามวล แอล. แจ็คสัน) เพราะเหตุว่าเขารู้ว่า เมื่อใดก็ตามที่เขารับสาย โน่นเป็นการตอบภารกิจครั้งใหม่

ที่เขาจำต้องไปต่อกรกับคนร้าย หรือ สถานะการณ์อันแตกต่างจากปกติ ในโมเมนต์นั้น ปีเตอร์ ต้องการจะกลับไปเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มสาวปกติ ที่ได้บันเทิงใจแล้วก็ “ดำรงชีวิต” ในวัยของตนไปกับเพื่อนฝูงๆ

ไม่ตรงกันกับความรู้สึกของผู้แสดงนี้ ในหนังภาคแรกหรือ โฮมคัมมิ่ง ที่ดูราวกับว่าปีเตอร์จะตื่นเต้นกับพลังพิเศษ ของตนมากมายรวมทั้งต้องการจะทำภารกิจปราบคนร้ายจนถึงเต็มที แต่ว่าในภาคนี้เขากลับมีความรู้สึกว่าสิ่งที่เขาได้รับมามันเริ่มจะแปลงเป็น “ภาระหน้าที่” เสียแล้ว

แม้จะจัดกระเป๋าเดินทางท่องเที่ยว และตัดสินใจ “ทิ้งชุด” สไปเดอร์แมนเอาไว้ที่ห้องของตัวเองก็ตาม 

ทางด้านของป้าเมย์ (มาริสา โทเม) จะจัดแจงชุดกลับเข้ามาในกระเป๋าเหมือนเดิม แสดงให้เราเห็นว่า ไม่ว่า จะวิ่งหนีหน้าที่ ของตัวเองแค่ไหน แต่หน้าที่ก็จะวิ่งไล่ตามเขาอยู่วันยังค่ำ ระหว่างที่ เพื่อนๆเที่ยวอยู่ในแกรนด์คาแนล ในประเทศอิตาลี อย่างเพลิดเพลิน

เขาก็พบว่ามีอสูรร้ายธาตุน้ำออกอาละวาดจนผู้คนได้รับอันตราย แต่ไม่นานนัก ก็มีชายในผ้าคลุมปรากฏตัวขึ้นเพื่อต่อสู้กับอสูรดังกล่าว ปีเตอร์จึงร่วมมือกับชายลึกลับ ปราบอสูรและได้ล่วงรู้ชื่อจริงของเขาว่าเควนติน เบ็คหรือมิสเทริโอ (เจค จิลเลนฮัล)

เควนติน เบ็คหรือมิสเทริโอ ได้เล่าเรื่องราวของเขาให้ฟังว่า เขาเดินทางมาจากโลกมิติคู่ขนาน ซึ่งการที่เขามาปรากฏตัวบนโลกมนุษย์นั้น เพราะโลกในมิติคู่ขนานของเขาถูกทำลายล้างจากอสูรธาตุทั้ง 4 และการที่เหล่าอสูรร้ายเหล่านี้มาปรากฏตัวบนโลก อาจจะแสดงถึงความปั่นป่วนของจักรวาล ที่เริ่มต้นขึ้นหลังจากเหตุการณ์ธานอสดีดนิ้ว

ไม่เอาแล้ว

การเคลื่อนไหวของมิสเทริโอ อยู่ภายใต้การจับตาของนิค ฟิวรี่และก็โคบี้ สมัลเดอร์ส (มาเรีย ฮิล) ข้าราชการหน่วยชิลด์ ผู้ด้อยกว่าผู้บังคับบัญชา ผู้ทำงานร่วมกับนิค ฟิวรี

แต่ว่าการที่โลกมีมิสเทริโอ ทำให้อุ่นใจว่า อย่างต่ำก็มี “คนแก่” ซึ่งสามารถ ปฏิบัติภารกิจคุ้มครองดูแลโลกใบนี้ได้ดีมากยิ่งกว่า “เพื่อนบ้านผู้แสนดี” อย่างสไปเดอร์แมน

ความไว้เนื้อไว้ใจ ที่ราวกับจะพร้อมทุ่มเทใจให้มิสเทริโอแบบหมดหน้าตัก นั้นอันที่จริงแล้วเป็น “สิ่งลวงตา” ที่เควนว่ากล่าวนแต่งเรื่องราวขึ้นมาทั้งผอง

ไม่ว่าจะเป็นการสร้างอสุรีร้ายธาตุอีกทั้ง 4 การสร้างเรื่องราวภูมิหลังของตน หรือจนถึงพลังดีเลิศของมิสเทริโอก็ตาม เพราะเหตุว่าความเป็นจริงแล้ว เควนว่ากล่าวน

เบ็คนั้นเป็น “ผู้ก่อเหตุร้ายแรง” ที่เป็นเพียงแค่คนเดินดินที่จับใช้เทคโนโลยีและก็มันสมองอันฉลาดมากของตน สำหรับการสร้างกลยุทธ์สุดขาดความกรุณาปรานีขึ้นมา เพียงแต่เนื่องจากว่าในอดีตกาลนั้น เขาเคยเป็นผู้รับจ้างของ โทนี่ สตาร์ค ที่ถูกข่มเหงและก็ไม่เห็นจุดสำคัญสำหรับเพื่อการดำเนินการของเขา ทั้งยังหนังยังส่งผลให้ผู้ชมมองเห็นอีกว่า ไม่ใช่เควนตินผู้เดียวที่ถูกโทนี่ “เลือกปฏิบัติ” แม้กระนั้นมีคนทำงานอีกมากมายที่พบหัวหน้าจอมวีนเหวี่ยง

ความเชื่อถือที่โดนทำลายของปีเตอร์นั้น ได้ทำให้ผู้ชมมองเห็นการเจริญเติบโตอันแสนเจ็บของผู้แสดงนี้ว่า เมื่อแปลงเป็นคนแก่แล้ว เขาบางครั้งก็อาจจะจำต้องจัดการกับคำลวงหลอก คำโกหกและก็มิตรภาพเก๊ที่เกิดขึ้นเพียงแค่เพราะว่าผลตอบแทนที่อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังรอยยิ้มที่มองบริสุทธิ์ใจ

การผลิตข่าวสารลวง การแหกตาสุดยอด ก็เลยเปลี่ยนเป็นวิกฤติครั้งใหม่ที่พวกเราได้มองเห็นจากหนัง ซึ่งใส่รับกับแนวความคิดที่หนังบอกว่า เนื่องจากว่าในช่วงเวลานี้โลกมนุษย์นั้น ทุกๆคนพร้อมจะเชื่อในตัวของซูเปอร์วีรบุรุษที่มีพลังพิเศษ ปลดปล่อยพลังได้ กระทั่งหลงๆลืมๆ ไปว่าอันที่จริงแล้วชีวิตของคนเดินดินนั้นก็มีความจำเป็น

มีคุณค่าสำหรับเพื่อการดำรงชีพไม่มีความต่างกัน เควนติน ก็เลยเปลี่ยนแปลงแนวความคิดดังที่กล่าวถึงมาแล้วและก็สร้างสถานการณ์ทั้งหมดทั้งปวงขึ้นมาเพื่อหลอกตาคนทั่วโลก ความน่าดึงดูดใจของผู้แสดงเควนว่ากล่าวนนั้น เป็นการถือเอาเทคโนโลยีล้ำยุคอย่าง “โดรน” มาใช้งานเป็นเครื่องจะฆ่าและก็สร้างภาพตบตา

แม้กระนั้นตอนท้ายแล้วหนังก็ทำให้เห็นว่า “ความบกพร่องของเทคโนโลยี” เพียงแต่จุดเล็กๆ เพียงแค่จุดเดียว ก็หมายคือความพังทลายของแนวทางทั้งปวงด้วยเช่นเดียวกัน ก็เลยเป็นภาคต่อที่บอกให้เห็น ถึงความเจริญทางอารมณ์แล้วก็วุฒิภาวะของผู้แสดงปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เองหรือฝั่งตัวร้าย อย่าง เควนตินที่บางครั้งก็อาจจะเป็นผู้แทนของคนเดินดิน

พหูสูตรสึกอิดหนาระอาใจการมีอยู่ของเหล่าซูเปอร์วีรบุรุษ ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในรูปภาพรวมหนังได้พรีเซ็นท์อารมณ์ขัน สไตล์การดูแลแบบยียวนกวนใจ ตามลักษณะค้างแรกเตอร์ ที่ใส่รับกับช่วงอายุผู้แสดงวัยรุ่น รวมทั้งมองลื่นไหลเป็นธรรมชาติ บางทีอาจ