จะเข้าฉายแล้ว กับภาพยนตร์มู่หลาน ที่จะเข้าไทยในเดือนกันยายนนี้

จะเข้าฉายแล้ว

จะเข้าฉายแล้ว หลังจากเจอโรคเลื่อนมาครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงเวลาที่ มู่หลาน จะได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว

จะเข้าฉายแล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับทุกประเทศทั่วโลก! ก่อนหน้านี้ตารางวันเข้าฉายภาพยนตร์ในอเมริกานั้นนับได้ว่ามีการถอดเข้าถอด ออกกันอย่างจ้าละหวั่น จนคาดว่าบรรดาสตูดิโอยักษ์ใหญ่คงกุมขมับอยู่หลายรอบ

มีการจัดประชุม เพื่อหาทางออก ให้กับบรรดาหนัง ที่ค้างอยู่ในสต็อกของตัวเอง ให้ได้เข้าฉายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ล่าสุด สตูดิโอ ยักษ์ใหญ่ อย่างดิสนีย์ตัดสินใจจะนำมู่หลาน ปล่อยลงทาง ดิสนี่พลัส พร้อมกับเข้าฉาย ในโรงภาพยนตร์ เฉพาะในบางพื้นที่

จะเข้าฉายแล้ว

ในวันที่ 4 กันยายน ส่วนในประเทศไทย ค่ายหนังและโรงหนังออกมาการัน ตีแล้ว ว่าหนังจะได้เข้าฉาย ในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 3 กันยายนนี้แน่ๆ

อย่างไรก็ตามสำหรับมู่หลานนั้น มีความต่างจากหนังทาง ดิสนี่พลัส เรื่อ งอื่นๆ ตรงที่ถ้าเกิดผู้ชม ที่เป็นสมาชิกของสตรีมมิ่งนี้อยู่แล้ว

อยากจะรับชมหนังเรื่องนี้ จะต้องสมัครบริการ พรีเมี่ยม ไทเออร์ เพิ่ม ใน อัตราค่าบริการ 29.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณเกือบ 1,000 บาท

เพื่อรับชม มู่หลาน ซึ่งสำหรับการฉายแบบสตรีมมิ่ง วีโอดี นั้น จะให้บริการ เฉพาะสหรัฐอเมริกา และแคนนาดาเท่านั้น

และสมมติว่า ถ้าหากคนที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก ดิสนี่พลัสมาก่อนจะต้อง สมัครใช้บริการโดยการจ่ายค่าบริการ สตรีมมิ่งรายเดือน อยู่ที่  6.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 200 กว่าบาทไทย ก่อนเพื่อไปสมัครบริการเสริม พรีเมี่ยม ไทเออร์

ดังนั้นเท่ากับว่าหากคนที่ไม่เคยสมัคร ดิสนี่พลัส มาก่อนแล้วจะชม นั่นหมายความว่า จะต้องจ่ายเงินโดยประมาณ 1,200  บาทเลยทีเดียว ส่วนในประเทศอื่นๆทั่วโลก จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตามปกติ ข่าว หนังใหม่ MarVel

การตัดสินใจครั้งนี้ ของสตูดิโอดิสนีย์ อาจจะเป็นหมุดไมล์ ครั้งสำคัญในวงการภาพยนตร์ อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนกลับไปพิจารณา รายรับ ที่สตูดิโอดิสนีย์ สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ทำให้เราสามารถมองได้อีกมุมหนึ่งว่า การเจรจา ต่อรอง กับตัวโรงภาพยนตร์ในอเมริกานั้น 

ดิสนีย์ถือไพ่ใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้พอสมควร และในระยะยาว หากการออกฉายภาพยนตร์บนสตรีมมิ่ง ควบคู่ไปกับการฉายหนังทาง โรงภาพยนตร์ ได้รับความนิยมจากผู้ใช้ บรรดาโรงภาพยนต์ อาจจะต้องวิตกกันพอสมควร ทางด้านซีอีโอของดิสนีย์อย่าง บ๊อบ ชา แพค

ออกมากล่าวถึงการตัดสินใจฉาย ภาพยนตร์เรื่องนี้ ในวิธีการแบบนี้ว่าเนื่องด้วยสถานการณ์ที่ไม่ปกติตอนนี้ ทำให้ จำเป็นต้องฉายหนังในกรณี พิเศษ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ดิสนีย์เองก็ต้องเป็นกังวลอีกเช่นเดียวกันว่าหลังจากปล่อยหนังไปทางสตรีมมิ่งแล้ว

จะเข้าฉายแล้ว

จะมียอดจำนวนผู้ชมในอเมริกาเหนือ และแคนนาดาสตรีมมิ่งหนังเรื่องนี้ จำนวนกี่คน สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในอเมริกานั้น

ถือว่าได้ยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น และมียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากเป็น 3  อันดับแรกของโลก แน่นอนบรรดาธุรกิจต่างๆในอเมริกา และหลายประเทศ ทั่วโลก

ต่างก็ปิดตัวและเจ๊งกันระเนระนาด  สตูดิโออย่างดิสนีย์เอง ใช่ว่าจะไม่  กระทบ ความเป็นจริงแล้ว ธุรกิจอย่างสวนสนุกดิสนีย์แลนด์

ที่เป็นตัวทำกำไรก็ถือได้ว่าได้รับผลกระทบเมื่อทางการสหรัฐฯ ออก มาตรการ จำกัดผู้เข้าสวนสนุก ส่งผลให้มีผู้มาใช้บริการน้อยกว่าที่เคย

ส่วนเครือโรงภาพยนตร์ในประเทศอเมริกาเอง ก็ยังไม่สามารถ กลับมาให้บริการได้อย่างปกติ ข้ามไปมองสตูดิโอใหญ่อีกหนึ่งเจ้า อย่างวอร์เนอร์ฯ  ที่ยังคงยืนยันในการนำทีเนท เข้าฉายโรงภาพยนตร์ในวันที่ 4 กันยายน ในอเมริกาเหนือ

ส่วนในตลาดต่างประเทศนั้นจะเข้าฉายตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม (ฉายก่อน 1 อาทิตย์) ในกลุ่มประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อต่ำ หรือ สามารถควบคุมสถานการณ์การระบาด ได้แล้วประมาณหนึ่ง ก็ยังคงน่าเป็นห่วงและต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

เช่นกันว่า หนังจะประสบความสำเร็จแค่ไหน สำหรับมู่หลานเอง เคยวางกำหนดแรกเริ่มเอาไว้ที่ 27 มีนาคม แต่ก็ถูกเลื่อน ครั้งแล้วครั้ง  เล่าเพราะสถานการณ์ การระบาดดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีทุเลาลง การตัดสินใจครั้งนี้ของดิสนีย์

ถือเป็นก้าวสำคัญในตลาดสตรีมมิ่งรวมถึงตลาดวีโอดี ซึ่งถ้าหากไปได้สวยหนังเรื่องต่อไปของค่ายอย่าง แบล็ค วิโดวอาจจะเดินตาม รอยเท้า มู่หลาน ไปติดๆ ประมาณการณ์เบื้องต้นของค่ายดิสนีย์มองเอาไว้ว่า น่าจะมีผู้ชมที่ตัดสินใจสมัครดิสนี่พลัส

ทั้งหมด 100 ล้านคนเพื่อรับชม มู่หลาน และ แบล็ค วิโดว ภายในสิ้นปี 2020 ส่วนในตลาดนอกอเมริกาดูเหมือนผู้ชมน่าจะเฝ้ารอหนัง เรื่องนี้พอควรแล้วก็ เรื่องนี้ คงจะเปลี่ยนเป็นหนึ่งในหนังฮิตประจำปี 2020 ค่อนข้างแน่นอน