ตุ๊กตาหมี ที่โนบิตะเจอในห้อง จึงทำให้เขาอยากย้อนเวลาไปหาคุณย่า

ตุ๊กตาหมี

ตุ๊กตาหมี ตัวเก่าของโนบิตะที่เคยเล่นในสมัยเด็กอยู่ภายในห้อง

ตุ๊กตาหมี ทำให้เขาคิดถึงคุณย่าที่แสนใจดี พร้อมตัดสินใจ ชวนโดเรม่อนย้อนเวลากลับไปในอดีต เพื่อเจอกับคุณย่าอีกครั้ง จนเมื่อคุณย่าพูดว่า “อยากจะเจอกับเจ้าสาวของโนบิตะ” โดเรม่อนและโนบิตะ จึงเดินทางไปในวันแต่งงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ก่อนที่จะพบว่า โนบิตะในวัยผู้ใหญ่ ได้หนีหายออกจากงานแต่งงานของเขากับชิซึกะไป โนบิตะและโดเรม่อนจึงต้องช่วยกันตามหาเพื่อทำให้ความฝันของคุณย่าเป็นจริง

ห่างมาถึง 6 ปีนับจากภาคแรกในชื่อ ‘สแตนด์บาย มี  โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป’ ในปี 2014 ซึ่งจริงแล้วก็ถือว่า จบลงตัวในตัวเองอย่างมากแล้ว แต่ว่าด้วยความนิยมของแอนิเมชัน 3 มิติชุดนี้ ทำให้ผู้กำกับ ยามาซากิ ทาเคชิ และ ยางิ ริวอิจิ จากภาคแรกกลับมาสานต่อเรื่องราวมิตรภาพซาบซึ้งนี้ต่อ  ข่าว หนังใหม่ MarVel

ตุ๊กตาหมี

และได้ออกฉายในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปีที่ผ่านมา ส่วนบ้านเรา ก็กำลังจะเข้าฉายโปรแกรมปกติ โดยมีรอบพิเศษ จัดฉายมาแล้วด้วยว่ากันตามจริงแล้ว

ต้องบอกก่อนว่า ความแตกต่างสำคัญระหว่าง สแตนด์บาย มี  โดราเอมอน กับแอนิเมชั่นโดราเอมอน ที่เป็นภาคการผจญภัยต่างๆ

ซึ่งมีออกฉายมาแทบทุกปีนั้น หลักๆเป็นกลุ่มผู้ชม เพราะในขณะที่แอนิเมชัน 2 มิติจะจับกลุ่มเด็ก จริงๆที่เน้นเรื่องของฉากการผจญภัยหวือหวา มีเพื่อนใหม่ของโนบิตะที่น่าสนใจซึ่งมักไม่ใช่คนเรียกว่าอัดแฟนตาซีจัดเต็มกว่า

แต่ว่าแอนิเมชั่น 3 มิติ ในชุด สแตนด์บาย มี  โดราเอมอนนั้น จะได้ความสนใจ หรือความเข้าใจกับอดีตเด็ก หรือผู้ใหญ่ในปัจจุบัน ที่โตมาพร้อมกับการ์ตูนชุดโดราเอมอนได้ดีกว่า ทั้งด้วยเรื่องของฉากการผจญภัย ที่จะไม่แฟนตาซีเท่า ดูมีความดราม่าเรื่องความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกว่า และต้องอาศัยความเข้าใจมากขึ้น

นอกจากนี้ มุกการเล่าเรื่อง ก็ยังสามารถใส่ความซับซ้อนได้มากกว่า โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการย้อนเวลาแก้ไขอดีต-อนาคตไปมา ซึ่งที่ว่ามามันคือหนังแอนิเมชั่นสำหรับเด็กโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ดูนั่นเอง

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ ‘สแตนด์บาย มี  โดราเอมอน 2 โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2’

ด้านเรื่องราวนั้น ก็แอบประหลาดใจเล็กน้อย ที่หนังมีความเชื่อมโยงแบบจับต้องได้กับหนังภาคแรก ซึ่งที่คาดไว้ทีแรกเป็นหนัง คงจะแยกกันจบในตัว แบบแอนิเมชั่น 2 มิติที่แต่ละตอนไม่ต้องเชื่อมโยงกัน

ด้วยระยะเวลาที่ทิ้งห่างมาถึง 6 ปี ผู้ที่ดูภาคแรกก็คงจะลืมเนื้อหาไปเยอะแล้ว แต่ว่า ผู้สร้างก็คงจะความตั้งใจให้หนังชุดนี้มีความเป็นชุดสะสม ที่เรื่องราวต่อเนื่องเป็นหนังชุดเดียวกันนั่นเอง

เรื่องราวที่โนบิตะต้องการกลับไปหาคุณยาย เพราะเจอตุ๊กตาในวัยเด็ก (โดยนำเนื้อหาในหนังสือการ์ตูนตอนที่ซึ้งที่สุดตอนหนึ่งมาใช้) และลากไปสู่ขณะที่โนบิตะในอนาคต หนีการแต่งงาน ทำให้โดเรม่อน ต้องตามไปแก้ปัญหา

มีการข้ามเวลาไปมากันวุ่นวาย จึงเป็นการคิดเลือกเรื่องราวในตอนที่กล่าวถึงเรื่องความสัมพันธ์ ระหว่างโนบิตะกับครอบครัว (คุณยาย,คุณพ่อ,คุณแม่) มาเชื่อมกับครอบครัวที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ (โนบิตะ กับชิสุกะ) นั้น ทำให้พวกเรามองเห็นความละเอียดถี่ถ้วน ของผู้สร้างอย่างดีทีเดียว อันนี้ชื่นชมมากๆ

ตุ๊กตาหมี

ซึ่งฉากประมวลความสัมพันธ์ทั้งหมด ค่อนปลายเรื่อง ลากยาวจนกระทั่งจบนั้น ต้องบอกว่า ขยี้แล้วขยี้อีก อัดฉากซึ้งๆ คำพูดซึ้งๆ มารัวๆ

ฉากนี้ยังไม่น้ำตาซึมหรอ ได้ งั้นต่อด้วยฉากนี้ ยังอีกหรอ งั้นฉากนี้ล่ะ ..อารมณ์ประมาณนี้เลย นี้แล้วแต่คนเลย ใครอินอยู่แล้วก็น่าจะยิ่งชอบ

แต่ว่า ในทางตรงกันข้าม ใครไม่อินมุกแนวญี่ปุ่นขยี้เรียกน้ำตา ก็คงรู้สึกว่าจะอะไรกันนักกันหนา แต่ว่าด้วยความเป็นแอนิเมชั่นน่ารักๆ พวกเราอาจไม่รู้สึกไปรำคาญตัวละคร เท่ากับหนังญี่ปุ่นคนแสดงอยู่ดี

ส่วนที่ยังทำได้ไม่ดีนัก แต่ก็เป็นจุดที่เลี่ยงไม่ได้ ก็คงเป็นบรรดาความงี่เง่าของตัวโนบิตะเอง

ที่ต้องมีเพื่อสร้างปัญหาให้เรื่องเดิน ซึ่งในหนังสือการ์ตูน พวกเราอาจคุ้นชินกับมันอยู่แล้ว เพราะชอบจบความงี่เง่าหนึ่งๆ ในตอนสั้นๆ แต่พอมาเป็นหนังยาวๆ แล้วยังเล่าด้วยความสมจริงมากๆ ไม่ค่อยแฟนตาซี บรรดาความงี่เง่าพวกนั้นก็เลยอาจมากเกินควร

พวกเราอาจทำใจได้ว่า เขาเป็นเพียงเด็กนักเรียนชั้นประถม มันก็มีความไม่นิ่งทางอารมณ์ความคิดอยู่แล้ว นั่นก็พอเข้าใจได้ ในฉากที่โนบิตะกลับไปอดีต เจอตัวเองตอนเด็กกว่าทำตัวงี่เง่า โนบิตะก็โกรธ และนี่คือจุดสำคัญมากๆ ว่าตัวละครโนบิตะในปัจจุบันนั้นมีพัฒนาการมากมาย แล้วหลังจากนั้นเขาก็ไม่ค่อยทำตัวงี่เง่า

ซึ่งดีมากๆที่หนังเล่าได้แบบนี้ แต่ว่าพอไปพบโนบิตะผู้ใหญ่ปรากฏว่าตัวโนบิตะในวัยผู้ใหญ่ ดันทำตัวงี่เง่าหนักกว่า มันทำให้ความรู้สึกตรรกะของหนังมันแปร่งๆ ไปหมด และกลายเป็นว่าพวกเราอยู่กับความงี่เง่าของโนบิตะในทุกวัย แทบจะ 60% ของเรื่อง ซึ่งมันทรมานไม่น้อยทีเดียว

และแม้ท้ายสุดหนังจะหาทางออกและคลี่คลายได้ว่า ทำไมโนบิตะจึงไม่ได้เรียนรู้ปรับปรุงความคิดอะไรขึ้นเลย หลังเหตุการณ์ทั้งหมดที่ว่ามา เพื่อให้เนื้อหาของแอนิเมชันในอนาคตไม่แกว่ง

แต่ในทางหนึ่ง พวกเราก็รู้สึกว่าเขาทิ้งพัฒนาการของตัวละครไปแบบไม่ใยดีเกินไป เหมือนเวลากว่าชั่วโมงครึ่งที่ผ่านมา โนบิตะกลับไปเป็นเด็กงี่เง่าคนเดิมตอนต้นเรื่อง เนี่ยเสียดายสุด

อีกเรื่องที่น่าดีใจคือ แม้หนังจะมีบทสรุปจบในตัว แต่ก็ทิ้งเชื้อแบบเนียนๆถึงภาค 3 ไว้ (ถ้าจะทำ) เพราะมีฉากหนึ่งที่โนบิตะกับโดราเอมอน เปิดดูอนาคต 1 ปีหลังวันแต่งงานและพบว่า… ซึ่งพวกเราอาจหลงลืมไป และคิดว่าแก้ไขเหตุการณ์หมดแล้ว แต่ตามความจริงเรื่องราวที่ทั้งคู่เห็นนั้นก็จะยังคงอยู่

หากแต่โนบิตะกับโดราเอมอนเข้าใจผิดไปเอง ว่านั่นเกิดจากเรื่องหนีการแต่งงานครั้งนี้ ก็เลยน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโนบิตะหลังแต่งงานไปแล้ว 1 ปีกันแน่ และถ้าคำนึงว่าจะต้องเป็นการปิดหนังไตรภาค ก็คงจะต้องบอกว่าน่าจะเป็นดราม่าใหญ่สุดของเรื่องแน่ๆ รอชมนะครับ  วิเคราะห์หนัง