หนังความเท่าเทียม ในสังคมที่ไม่ทัดเทียม ที่สิทธิของพลเมืองแตกต่างกัน

หนังความเท่าเทียม

หนังความเท่าเทียม ความตายของนาย ลาซาเรสคู รวมทั้งคนไข้ในระบบที่เจ็บไข้

หนังความเท่าเทียม ที่การเข้าถึงบริการของเมืองไม่ทั่วถึง สังคมที่คนใจดีถูกกลืนโดยระบบอันไม่มีหัวใจ สังคมแบบนี้บางทีอาจรังแก คนสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง แล้วก็ถึงขนาดฆ่าคนไข้ ไข้ให้ตายได้ นักเขียนเอ๋ยถึง ประเทศโรมาเนีย แม้กระนั้นถ้าหากจะคิดเลยไป ถึงประเทศอื่นด้วยก็คงจะช่างเถอะ  ข่าว หนังใหม่ MarVel

เหตุการณ์ทางสาธารณสุข ของบ้านพวกเรา ทำให้รำลึกถึงหนังเรื่อง เดอะ เดด ออฟ มิตเตอร์ ลาซาเรสคู หนังดังของโรมาเนียเมื่อปี 2005 โดยผู้กำกับคริสตี้ ปิว ออกฉายทีแรก ที่เทศกาลเมืองคานส์ ท่ามกลางความระทึกใจ ของนักวิพากษ์วิจารณ์ ที่ต่างชมเชยให้ยอดเยี่ยม ในหนังจากกรุ๊ป โรมาเนีย  ที่เยี่ยมที่สุด ( ขณะนี้สามารถดูได้ใน เน็ตฟลิกซ์ )

หนังความเท่าเทียม

เล่าพลอตได้ไม่ยาก แม้กระนั้นเป็นพลอตที่ฟังแล้ว จี้ใจดำเดี๋ยวนี้มากมาย หนังกล่าวถึงนายลาซาเรสคู คนวัยชรา ที่อาศัยอยู่ตัวผู้เดียว ในอพาร์ทเมนท์ในกรุงบูคาเรสท์ นายลาซาเรสคู ล้มป่วยรวมทั้งเรียกรถพยาบาลมารับ เมื่อรถยนต์มาถึง ยามดึกดื่น บุรุษพยาบาลพาเขาสำรวจ ไปตามโรงหมอในเมืองหลวง แต่ว่าทุกโรงหมอ ไม่รับเขาเข้ารักษา

เขาจำเป็นต้องประพฤติตามระเบียบปฏิบัติ จำต้องกรอกฟอร์ม จำเป็นต้องลงนาม จะต้องฟังพยาบาลพร่ำบ่น ก่อนที่จะถูกไม่ยอมรับ ว่ารับเขาเป็นคนป่วย มิได้ด้วยต้นเหตุอันซับซ้อนต่างๆ แล้วก็เขาจะต้องกลับขึ้นรถพยาบาล ไปพบโรงหมออื่น เป็นแบบนี้อยู่ตลอด ไปเป็นวังวนที่ความลำเค็ญ จนกระทั่งเวลาผ่านพ้น แล้วก็ลักษณะของเขาแย่ลงๆ

หนังประเด็นนี้มีความยาว เกือบจะสี่ชั่วโมง ( แต่ว่าผู้ชมคงจะไม่สั่นสะเทือน เพราะว่าในช่วงเวลานี้ พวกเรามองซีรีส์กัน สิบกว่าชั่วโมงในหนึ่งวันยังไม่ยี่หระ ) ทุกนาทีในหนัง พวกเรามองเห็น นายลาซาเรสคู ( แสดงโดยอิออน เฟสคิวเทนู ) เบาๆสูญเสียพลังชีวิต หลุดลอยออกมาจากโลก ของข้อเท็จจริง อย่างกับการเดินทางสัญจร

แล้วก็วิงวอนหาโรงหมอของเขา เป็นการดำตรงสู่เมืองนรก โดยมีบุรุษพยาบาลเป็นไกด์ ดั้นด้นไปตามถนนหนทางยามดึกแล้วก็เข้าไปในโรงหมอ ที่มองมอมแมม เต็มไปด้วยพยาบาลสาวท่าทางใจดี แต่ว่าไม่สามารถที่จะช่วยผู้เจ็บป่วย ได้น่าฟังระบบที่พวกเขาปฏิบัติงานอยู่ นั้นป่วยไข้เสียมากกว่า นายลาซาเรสคู

หนังมิได้วิภาควิจารณ์ หรือดุด่าพนักงานทางสาธารณสุข แต่ว่าวิภาควิจารณ์

ระบบอันทับถมไปด้วยกฎระเบียบราชการ แล้วก็ความใจคอคับแคบ กระทั่งแม้กระทั้งคนทำงาน ก็เกือบจะหายใจไม่ออก อย่าว่าแต่ว่าคนไข้เลย ( เมื่อหนังออกฉาย มีแพทย์คนหนึ่งในโรมาเนีย เขียนโพสต์ออนไลน์ว่า เรื่องจริงในโรงหมอทรุดโทรม กว่าที่หนังชี้ให้เห็นหลายเท่านัก ) ยิ่งฟังยิ่งคุ้นทีเดียว

หนังความเท่าเทียม

อ้างอิงจากข้อเท็จจริง ที่คนเจ็บถูกไม่ยอมรับ โดยโรงหมอหลายที่ ตราบจนกระทั่งถูกทิ้ง เอาไว้ริมทางจนถึงเสียชีวิต หนังประเด็นนี้ถ้าหากแค่เพียงฟังเรื่อง ดูอย่างกับว่าเป็นหนังเศร้า ไม่มีความปรารถนา ซึ่งก็มีส่วนจริง แม้กระนั้นหนังโรมาเนีย ( รวมทั้งหนังยุโรปตะวันออกหลายๆเรื่อง ) ฉาบความท้อใจรวมทั้งการวิพากษ์วิจารณ์ระบบเมือง ไว้ภายใต้ลีลาท่าทางตลกขบขันร้าย

ความ อัพซูส์ หรือความไม่มีประโยชน์ ของการมีชีวิต ภายใต้ระบบราชการเป็นเชื้อชั้น ยอดต่อมุขเฮฮาที่ไม่ต้องพากเพียร ทำให้เฮฮา ความขำขม ที่ทั้งยังชวนตลกรวมทั้งน่าขนลุก เนื่องจากมีชีวิตเป็นพนัน หัวเราะเสร็จก็บางครั้งก็อาจจะตาย ได้เลยอะไรอย่างงั้น ผู้กำกับคริสตี้ ปิว มิได้ย้ำสร้างดราม่า ไม่เร่งเร้า ไม่อุตสาหะขับย้ำ ความไม่มีคุณภาพของระบบโรงหมอ

ไม่ทำให้คนใดเป็น ดารานำชายหรือโจร เขาเพียงจ้องดูสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไม่วางตา แล้วก็ปลดปล่อยให้ นายลาซาเรสคู พาผู้ชมไปมองเห็นภาวะ ข้อเท็จจริงที่ทำให้พวกเราจำต้องแค่น หัวเราะและก็ขนลุกขนพองไปพร้อม

คริสตี้ ปิว ยอดเยี่ยมในผู้กำกับโรมาเนีย ที่ก้าวขึ้นมาเลื่องลือในแวดวงหนัง โลกตอนต้นทศวรรษที่ 2000 ผู้กำกับกลุ่มนี้ เติบโตขึ้นในตอนต่อเนื่องกันก่อน และก็ข้างหลังระบอบเผด็จการ ระบอบคอมมิวนิสต์ล่มสลาย

รวมทั้งมักทำหนัง ที่กล่าวถึงมรดกทางความนึกคิด การบ้านการเมือง และก็วัฒนธรรม ที่ระบอบอันบังคับ ดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว ยังคงมีผลต่อเนื่องในการใช้ชีวิต ของประชากร สไตล์ของคนทำหนังโรมาเนีย รุ่นนี้เป็นแบบ ความสมจริง เป็นการแสดงภาพข้อเท็จจริงแบบขวานผ่าซาก ( โดยไม่ใช่สารคดี ) แล้วก็ปลดปล่อยให้ความแปลกประหลาด ความย้อนคัดค้าน

รวมทั้งความไม่มีสาระ ของระบบแสดงตัวตน ของมันออกมาเอง หนังโรมาเนียดังๆ ในยุคนี้มีเรื่องมีราวอื่นยกตัวอย่างเช่น 4 เดือน 3 สัปดาห์ 2 วัน ที่เอ่ยถึงสตรีที่มานะหาทางทำแท้งนอกกฎหมาย แล้วก็ 12:08 ทางตะวันออกของบูคาเรสต์ ที่เอ๋ยถึงการยืนขึ้นฮือโค่นอำนาจเผด็จการนิโคไล เชาเชสคู  เจอกับเหล่าคนร้าย

เดอะ เดด ออฟ มิตเตอร์ ลาซาเรสคู เคยดูเหมือนกับว่าเกิดเรื่องไกลตัว คือเรื่องของคนภายในประเทศ อดีตกาลระบอบคอมมิวนิสต์ ที่เหมือนกับจะไม่เชื่อมโยง กับผู้ชมที่อื่นๆ ไม่น่าเชื่อว่าสิบกว่าปีผ่านไป หนังประเด็นนี้กลับเล่า ที่ใกล้ตัวเรามากมายอย่างมาก กระทั่งเกือบจะเอามารีเมค เป็นภาพยนตร์ไทยได้เลย