ผู้กำกับ เผยเกี่ยวกับการสร้างซีรี่ย์เด็กใหม่ทั้ง 2 ภาค และแนวคิดของตัวเขาเอง

ผู้กำกับ

ผู้กำกับ กว่าจะออกมาเป็นซีรีส์ เด็กใหม่ ภาค 2  ที่ทั้งดาร์ค หลอน และลึกลับ

ผู้กำกับ ทีมงานเบื้องหลังอย่าง 6 ผู้กำกับชั้นแนวหน้าของไทย ไม่ว่าจะเป็น ไพรัช คุ้มวัน, คมกฤษ ตรีวิมล, สิทธิศิริ มงคลศิริ, ปวีณ ภูริจิตปัญญา, สุรวุฒิ ตุงคะรักษ์ และ จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ ต่างปล่อยของและฝากความสามารถแบบจัดเต็ม

เพื่อต้อนรับการกลับมาของ แนนโน๊ะ ให้สมศักดิ์ศรีบนสตรีมมิ่งสุดยอด เมื่อถามถึงความท้าทายในการกำกับ เด็กใหม่ 2  ผู้กำกับแทบทุกคนต่างบอกไปในทางเดียวกันว่า เนื่องจากกระแสของซีภาค  1 ค่อนข้างดี ข่าว หนังใหม่ MarVel

การกลับมากำกับภาค 2 นี้ เลยมีทั้งความท้าทายแล้วก็แรงกดดันไปพร้อมกัน แต่ก็มีความโชคดีในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานกับ เน็ตฟลิก การทำงานในระบบและมาตรฐานระดับโลก รวมถึงมีนักแสดงรับเชิญที่เบอร์ใหญ่ขึ้น

ทำให้ในตอนนี้นี้มีพลังมากขึ้น ในขณะเดียวกันตัวซีรีส์ก็จะมีรสชาติใหม่ๆที่เซอร์ไพรซ์คนดูได้มากกว่าเดิม ทั้งนี้ ผู้กำกับส่วนใหญ่ต่างผ่านการกำกับ เด็กใหม่  1 มาแล้ว ยกเว้น ปวีณ ภูริจิตปัญญา ซึ่งกระโดดมาทำในภาค 2 นี้เป็นครั้งแรก

และนับเป็นการร่วมงานครั้งแรกกับ คิทตี้ – ชิชา อมาตยกุล อีกด้วย โดย คุณกอล์ฟ ปวีณ ได้เผยว่า “เป็นความท้าทายเป็นอย่างมากครับ เนื่องจากว่าพวกเราเหมือนเป็น ‘เด็กใหม่’ คนเดียวที่เข้ามากำกับภาค 2 ต้องพยายามทำความเข้าใจแกนหลักของเรื่อง

ของตัวละคร เพื่อให้แก่นของเรื่องยังคงเดิม และก็พยายามสอดแทรกความคิดใหม่ๆที่ซีรีส์นี้ไม่เคยทำมาก่อนด้วยครับ ส่วนคิทตี้ ถึงแม้จะเป็นการร่วมงานเป็นครั้งแรก แต่จากผลงานที่ผ่านมาของเขา พวกเราทราบดีว่านักแสดงคนนี้มีของ

ผู้กำกับ

ซึ่งคิทตี้ทำให้การทำงานยากๆกลายเป็นเรื่องง่ายไปเลยครับผม” เด็กใหม่ ภาค 2  มีทั้งหมด 8 ตอน แม้ว่าจะเป็นเรื่องราวที่จบในตอน

เหมือนที่พวกเรารู้จัก แต่ในภาค 2 จะพิเศษขึ้นตรงที่มีเส้นเรื่องใหม่เพิ่มขึ้นมา  ซึ่งผู้กำกับแนะนำว่า ถ้าดูข้ามตอน

อาจจะไม่ได้อรรถรสความบันเทิงเท่าที่ควร เพราะว่าโครงเรื่องรวมทั้งบทโดยรวมถูกวางมาให้มีไดนามิคที่แตกต่างกัน

และปูทางไปจนถึง ตอนสุดท้าย ถึงแม้ มู้ด & โทนในแต่ละตอนจะมีความแตกต่างกันออกไปบ้าง แต่แก่นของเรื่องจะไม่หลุดจากคอนเซ็ปต์ที่วางไว้

ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นเทคนิคการเล่าที่หลากหลาย และพัฒนาการของตัวละครได้อย่างชัดเจน ประเดิมด้วย ตอนที่ 1 เพรจแนนท์  และ ตอนที่ 3 มินนี่ แอนด์ เดอะ โฟร์ บอดี้ส์ โดย ไพรัช คุ้มวัน ซึ่งเล่าว่า ทั้ง 2 ตอนนี้ ค่อนข้างเป็นตอนที่อยากกำกับเป็นพิเศษอยู่แล้ว

เพราะตรงกับความถนัดรวมทั้งความสนใจ พร้อมเผยความประทับใจในการดำเนินการกับนักแสดงดาวรุ่งที่หลายๆคนจับตามอง อย่าง เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญและ แพทริเซีย กู๊ด “อย่าง เจมส์ ที่มารับบท นะนาย

เป็นนักแสดงที่ผมอยากทำงานด้วยมานานแล้ว เป็นการทำงานที่สนุกมาก เจมส์เป็นคนพลังงานเยอะ แรงดีไม่มีตก มีความตั้งใจทำงานมาก และเขานำเสนอตัวละครไปได้ไกลกว่าที่ผมคิด สำหรับ แพทริเซีย ที่มารับบท มินนี่

ตอนแรกพวกเราก็นึกภาพไม่ออกว่าถ้าหากเขามาเล่นซีรีส์ที่มีการแสดงที่แตกต่างออกไปจากละคร เขาจะเล่นออกมาอย่างไร แต่ว่าเขาเซอร์ไพรส์พวกเรามาก เขาทำได้ดี และเป็นอีกคนที่แรงไม่ตกเหมือนกัน

เพราะทุกซีนที่ถ่ายทำมีเขาอยู่เกือบตลอด และส่วนใหญ่จะเป็นซีนใหญ่ๆทั้งนั้น รวมทั้งเขาเองก็ตื่นเต้นมาก เพราะฉีกจากบทบาทเดิมที่เขาเคยได้รับ” ไพรัช กล่าว คมกฤษ ตรีวิมล เรียกได้ว่าเป็นผู้กำกับที่รับบทหนักที่สุด

เพราะลงมากำกับทีเดียวถึง 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 2 ทรู เลิฟ, ตอนที่ 5 โซตัส และ ตอนที่ 8 เดอะ จัดเจเมนท์

โดยแต่ละตอนต่างก็มีรสชาติเข้มข้นแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เมื่อถามถึงตอนที่ชอบที่สุด ผู้กำกับบอกว่า “อยากตอบเหมือนดาราว่าชอบทุกตอนครับ อย่าง อีพี 2 มันจะมีความยียวน กวน เพี้ยน เน้นประเด็นความรัก เป็นแนนโน๊ะที่ซอฟท์สุดแล้ว

อีพี 5 ก็ย้ำแอคชั่น จังหวะบีบบังคับหัวใจ มีการใช้เทคนิค แฮนด์เฮลด์ กับกล้องให้เหมือนมุมมองของตัวละครจริงๆส่วน อีพี 8 นี่ชอบประเด็นของมัน การให้ทางเลือก ความรักของแม่ลูก ความซับซ้อน เรื่องบางเรื่องมันตัดสินผิดถูกไม่ได้ง่ายๆ

เป็นตอนปิดที่สมศักดิ์ศรีนะ” สำหรับ อีพี 4 ยูริ ตอนไฮไลท์สำคัญที่จะเผย ยูริ ตัวละครใหม่เป็นครั้งแรก และ คู่ปรับของแนนโน๊ะ คนนี้จะต้องอยู่กับซีรีส์ไปจนถึงตอนสุดท้าย ซึ่งผู้กำกับ สิทธิศิริ มงคลศิริ ได้เล่าถึงตอนที่ตัวเองได้กำกับว่า

ผู้กำกับ

“ในตอนที่ 4 นี้ เป็นตอนที่พวกเรารู้สึกว่าน่าสนใจอยู่แล้ว เพราะยูริเป็นตัวละครที่สำคัญ และพวกเราก็อยากจะถ่ายทอดตัวละครนี้ให้ผู้ชมได้รู้จัก

ผมจะชอบซีนสุดท้ายของตอนมากเป็นพิเศษ เพราะจะรวมนักแสดงหลักของตอนนั้นไว้ทั้งหมด และก็เป็นการเชือดเฉือนกันด้วยการแสดง”

ปวีณ ภูริจิตปัญญา และ สุรวุฒิ ตุงคะรักษ์ ใน ตอน 6 ลิเบอเรชั่น ซึ่งเป็นตอนที่แตกต่างออกมาจากทั้งหมด ด้วยโทนสีขาวดำเหมือนภาพยนตร์ยุคเก่า

เมื่อถามถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลัง ปวีณ เล่าว่า “จริงๆอยากทำหนังขาวดำมานานแล้วครับ เพราะรู้สึกว่าการถ่ายขาวดำ

ทำให้พวกเราโฟกัสกับสิ่งที่พวกเราอยากจะสื่อได้ชัดเจนกว่าการเป็นสี แล้วมันเหมาะกับแนวคิดของตอน ลิเบอเรชั่น พอดี ที่พูดถึงสังคมยุคนี้ที่มีทั้งสีขาว สีดำ สีอื่นๆซึ่งความดี ความชั่วมันกลายเป็นสีเทาๆไปหมดแล้วครับ

บวกกับการวางเฟรมภาพแบบนิ่งๆสื่อถึง เสรีภาพในปัจจุบันนี้ที่ถูกจำกัดให้อยู่ในกรอบ การใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง การต่อสู้ของคนที่โดนริดรอน โดนเอาเปรียบครับ ซึ่งสิ่งนี้ผมมองว่ามันเป็นสิ่งที่คู่โลกพวกเรามาทุกยุคทุกสมัย”

ส่งท้ายกับ จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์ กับ ตอน 7 เจนนี่เอ็กซ์ ที่เตรียมขมวดปมความเข้มข้นก่อนถึงตอนอวสาน แม้เนื้อหาในตอนจะหนักหน่วง แต่การทำงานกับนักแสดงเรียกได้ว่าผ่านฉลุย เพราะได้ มินนี่-ภัณฑิรา พิพิธยากร นักแสดงดาวรุ่งมือรางวัล

มารับบทเจน โดยผู้กำกับเผยว่า “แก่นของตอนนี้ คือ การตั้งคำถามกับตัวตน และการไม่รู้จักตนเอง สำหรับเจนนี่ก็คือการเป็นเนตไอดอลใสๆ ที่เบื่อหน่ายชีวิตการเป็นไอดอลแล้วอยากทำอะไรตามใจตนเอง ในขณะเดียวกัน แนนโน๊ะก็ตั้งคำถามกับตัวเอง

ว่าถ้าเกิดทำตามความเชื่อของตน มันถูกหรือเปล่า มันมีอยู่ซีนหนึ่งที่ เจนนี่ถามแนนโน๊ะว่า “เธอต้องทำกับเราขนาดนี้เลยเหรอ?” เนื่องจากมันมีความไม่สมเหตุสมผลของการกระทำของแนนโน๊ะอยู่ เพียงเพราะเขาต้องการจะพิสูจน์ความเชื่อของตัวเอง”

สิ่งที่ผู้ชมจะได้จาก เด็กใหม่  2 นอกเหนือจากความบันเทิงครบรส ทั้ง ดราม่า แฟนตาซี ระทึกขวัญ แล้วอาจจะได้ลองขบคิดไปกับสิ่งที่ซีรีส์ต้องการนำเสนอ หรือได้มุมมองใหม่ต่อเรื่องราวเหตุการณ์บนโลกใบนี้ ที่คนแบบ แนนโน๊ะ ไม่มีอยู่จริง

หากเป็นคุณ คุณจะตัดสินใจจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร ติดตามเรื่องราวการเอาคืนสุดระทึกที่สาแก่ใจคนเป็นเหยื่อ พร้อมกันทั่วโลกกับ เด็กใหม่  2 (เกิร์ล ฟรอม นาวเฮอร์ ซีซั่น 2) ผลงานของ เน็ตฟลิก ร่วมกับ จีเอ็มเอ็ม สตูดิโอส์ อินเตอร์เนชั่นแนล รับชมได้แล้ววันนี้ ทาง เน็ตฟลิก เท่านั้น